วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

"สุพรรณบุรีเมืองยุทธหัตถี วรรณคดีขึ้นชื่อ เลื่องลือพระเครื่อง รุ่งเรืองเกษตรกรรม สูงล้ำประวัติศาสตร์ แหล่งปราชญ์ศิลปิน ภาษาถิ่นชวนฟัง"


            "จังหวัดสุพรรณบุรี" เป็นจังหวัดเก่าแก่จังหวัดหนึ่ง อยู่ทางภาคตะวันตกของประเทศไทย มีอายุถึงยุคหินใหม่ ประมาณ 3,500-4,000 ปี สืบต่อเนื่องกันเรื่อยมาจนถึงยุคสัมฤทธิ์และเหล็กอายุราว 2,500 ปี ล่วงเข้าสู่ยุคสุวรรณภูมิ ฟูนัน อมรวดี ทวารวดี ลพบุรี อู่ทอง อยุธยา และปัจจุบันนี้โบราณวัตถุ โบราณสถานที่พบเป็นประจักษ์พยานบ่งบอกว่าจังหวัดสุพรรณฯ มีอายุสูงถึงยุคหินใหม่จริง ไม่เพียงเท่านั้นจังหวัดสุพรรณบุรียังเป็นเมืองพุทธศาสนาอีกด้วย จากการขุดค้นพบพุทธปฎิมากรรมทั่วทั้งจังหวัดสุพรรณบุรี จากสถิติพบไม่น้อยกว่า 140-150 ครั้ง ตั้งแต่สมัยอมราวดีเป็นต้นมา ทำให้สันนิษฐานได้ว่าจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นเมืองที่พุทธศาสนาฝังรากไว้อย่างหนาแน่น ไม่น้อยกว่า 2,300 ปี มาแล้ว ราว พ.ศ. 700 -800 อาณาจักรสุวรรณภูมิซึ่งมีนครปฐุมเป็นราชธานี ต้องตกเป็นเมืองออกของจีนและเขมร ต่อมาราว พ.ศ. 1113 พวกไทยเมืองละโว้ได้กู้อิสรภาพสำเร็จ อาณาจักรสุวรรณภูมิโบราณนี้ได้กลับมีความเจริญรุ่งเรืองอีกวาระหนึ่งและมีชื่อใหม่ว่า "อาณาจักรทวารวดี" ในสมัยนั้น เมืองอู่ทอง (สุพรรณบุรี) คงจะเจริญเป็นบึกแผ่นแล้วดังที่กรมพระยาดำรงราชานุภาพเล่าไว้ในนิทานโบราณคดีเรื่อง "เมืองอู่ทอง" ว่า "ข้าพเจ้าเข้าไปดูเมืองท้าวอู่ทอง เมืองตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของลำน้ำ จระเข้สามพัน ดูเป็นเมืองเก่าใหญ่โต เคยมีป้อมปราการก่อด้วยศิลา แต่หักพัง ไปเสียเกือบหมดแล้ว ยังเหลือคงรูปแต่ประตูเมืองแห่งหนึ่งกับป้องปราการ.."

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ....



วัดป่าเลไลยก์
          กล่าวกันเสมอมาว่า ถ้ามาเมืองสุพรรณ แล้วไม่ได้แวะมากราบไหว้หลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์ ก็เหมือนมาไม่ถึงเมืองสุพรรณ
ด้วยที่วัดป่าเลไลยก์เป็นวัดสำคัญ คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสุพรรณ เป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เป็นสถานที่หนึ่งในวรรณคดีเรื่อง ขุนช้าง-ขุนแผน
ในช่วงวันหยุดจะมีผู้คนมากมายมากราบไหว้ขอพร และยิ่งเป็นวันหยุดยาว จะเป็นที่ที่คนนิยมมากเป็นอันดับต้นๆของจังหวัดสุพรรณ
ถ้าหากมีโอกาสมาเมืองสุพรรณ สถานที่แรกที่ไม่ควรผ่านเลย... แวะชมความงดงามขอหลวงพ่อโต และกราบไหว้เพื่อเป็นศิริมงคล

           ในอดีต..ประวัติวัดป่าเลไลยก์ เป็นวัดเก่าแก่ สันนิษฐานว่ามีอายุราว 1200 ปี ตั้งอยู่ริมถนนมาลัยแมน ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง อยู่ทางฝั่งตะวันตกของลำน้ำสุพรรณ ห่างจากศาลากลางจังหวัด ประมาณ 4 กิโลเมตร ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่าวัดป่า ภายในวิหาร เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโต ปางป่าเลไลยก์ ในพงศาวดารเหนือกล่าวว่า ...พระเจ้ากาเตทรงให้มอญน้อย มาบูรณะวัดป่าเลไลยก์ ภายหลังปี พ.ศ. 1724 เล็กน้อย หลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ ศิลปะสมัยอู่ทอง สุพรรณภูมิ (คือประทับนั่งห้อยพระบาท) มีนักปราชญ์หลายท่านว่า เดิมคงเป็นพระพุทธรูปปางปฐมเทศนา สร้างไว้กลางแจ้งอย่างพระพนัญเชิงสมัยแรกต่อมาได้มีการบูรณะ ซ่อมแซมใหม่ และทำเป็นปางป่าเลไลยก์ ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ภายในองค์พระพุทธรูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ 36 องค์ ที่ได้มาจากพระมหาเถรไลยลาย


            ภาพเขียนเรื่องราว ขุนช้าง-ขุนแผน รอบๆ วิหารของหลวงพ่อโต มีจิตรกรรมฝาผนัง เล่าเรื่องราวของขุนช้าง-ขุนแผน ตั้งแต่เริ่มเรื่อง จนถึงตอนสุดท้ายเป็นภาพที่สวยงาม และได้ความรู้



หอคอยบรรหาร-แจ่มใส
        สวนแห่งความรักกลางใจเมืองสุพรรณ หอคอยสีขาวสะอาดตา ท่ามกลางสวนงามและดอกไม้สีสันสดใส ขับกล่อมด้วยเสียงเพลง และลีลาเริงระบำของน้ำพุแสนสวย ยิ่งในช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้า แปรเปลี่ยนให้สถานที่แห่งนี้เป็นดุจสวนสวรรค์.....ช่วงเย็นๆค่ำๆ นับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการมาเที่ยวชม


            ตั้งอยู่ใจกลางเมืองสุพรรณบุรี บนถนนนางพิม ตำบลท่าพี่เลี้ยง หอคอยบรรหาร-แจ่มใส เป็นหอคอยแห่งแรกและสูงที่สุดในประเทศไทย มีความสูงถึง 123.25 เมตร มีชั้นสำหรับชมวิวในระดับสูงสุด 78.75 บนหอได้มีการติดตั้งกล้องส่องทางไกลไว้รอบด้าน มีร้านขายของที่ระลึกและอาหารว่าง มีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเมืองสุพรรณบุรี ทั้งด้านประวัติศาสตร์ วรรณคดี ศิลวัฒนธรรม ชีวิตความเป็นอยู่ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ และเรื่องราวน่ารู้ของของจังหวัดสุพรรณบุรีไว้ทั้งหมด บริเวณสวนประดับด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ สวนปาล์ม สวนน้ำพุ ธารน้ำตก สไลเดอร์ สนามเด็กเล่น เพลิดเพลินกับลีลาของน้ำพุดนตรี ที่โลดเล่นตามจังหวะของดนตรี


อุทยานมังกรสวรรค์ ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
          มหัศจรรย์งานสร้าง ด้วยแรงเงิน และแรงศัทธา สถานที่รวบรวมเรื่องราวที่มากคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ห้องเรียนที่น่าตื่นตาตื่นใจ และสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่อาจผ่านเลยศาลเจ้าพ่อหลักเมือง สถานที่เคารพของชาวไทยเชื้อสายจีน เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผู้คนต้องแวะเวียนมากราบไหว้ขอพร ที่ซึ่งหลายคนเชื่อว่า หากได้มากราบไหว้แล้ว จะนำมาซึ่งโชคลาภ ความร่ำรวย ความสำเร็จ และความสุข และยังเป็นสถานที่ที่รวบรวมเรื่องราว รูปแบบ วิถีชีวิตของชนชาวจีน ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชนชาวไทยเสมือนพี่กับน้อง เป็นสถานที่ที่สวยงาม ควรค่าแก่การแวะชม


             ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เป็นพุทธปฎิมากรรมสลักบนแผ่นหินแบบนูนต่ำ (Relief) ในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ซึ่งเป็นศาสนาที่ชาวจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ทิเบต ญวน เขมร นับถือ เป็นศิลปะแบบขอมเป็นรูปพระวิษณุกรรมสวมหมวกแขก ในศิลปะไพรกเม็ง อายุประมาณ 1300-1400 ปีมาแล้ว มีพระนามว่าพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หรือ พระนารายณ์สี่กร มีหน้าที่ช่วยเหลือมนุษย์ และเหล่าสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ ประสพแต่ความสุขความเจริญ เช่นเดียวกับพระโพธิสัตว์ เจ้าแม่กวนอิม ตามคำบอกเล่าต่อๆกันมา เมื่อประมาณ 150 ปีมาแล้ว มีผู้พบพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร จมดินอยู่ตรงริมศาลเจ้าพ่อ ชาวบ้านจึงช่วยกันอัญเชิญขึ้นข้างบน พร้อมกับสร้างศาลใหม่ให้เป็นที่ประทับมีคนจีนชื่อ เฮียกงเป็นผู้ดูแลรักษาเรื่อยมา
เมื่อครั้งโบราณมีคำกล่าวว่า " ห้ามเจ้าไปเมืองสุพรรณจะทำให้มีอันเป็นไป "
เมื่อ พ.ศ. 2435 สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จตรวจราชการเมืองสุพรรณ ได้ทรงสักการะเจ้าพ่อหลักเมือง ได้ประทานทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างศาลเพิ่มขึ้น พร้อมวางแผนให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสเมืองสุพรรณ พระพุทธเจ้าหลวงทรงพระดำรัสว่า "เข้าทีดีหนักหนา แต่เขาไม่ให้เจ้าไปเมืองสุพรรณ ว่าถ้าขืนไปจะเป็นบ้าไม่ใช่หรือ" สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพจึงกราบบังคมทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าไปมาแล้วไม่เห็นเป็นอะไร ยังรับราชการมาจนบัดนี้ พระพุทธเจ้าหลวงทรงตรัสสั้นๆว่า "ไปซิ" จากนั้นพระองค์จึงเสด็จมาเมืองสุพรรณ ในคราวเสด็จประพาสต้นเมื่อ พ.ศ. 2447 และทรงกระทำพลีกรรมเจ้าพ่อหลักเมือง และพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ก่อสร้างเขื่อนรอบเนินศาล ทำชานไว้สำหรับคนที่บูชา สร้างกำแพงแก้ว ต่อตัวศาลเพิ่มเติมออกมา ข้างหน้าเป็นแบบเก๋งจีน โดยทั่วไปศาลหลักเมืองนั้นจะทำด้วยไม้ บนยอดจะเป็นหัวเม็ด แต่หลักเมืองของสุพรรณนี้พิเศษกว่าหลักเมืองทั่วไปคือ จะเป็นหินและมีพุทธปฎิมากรอยู่ด้วย


สามชุก ตลาด 100 ปี
          ย้อนเวลา... ค้นหาความทรงจำที่อาจลืมเลือน ภาพอดีตที่ยังคงอยู่ แม้เวลาจะผ่านไปแสนนาน ตลาดเก่าที่มีชีวิต และคอยเล่าเรื่องราวของวันเวลาที่กำลังจะจางหายไปจากความรู้สึก และความทรงจำให้กับผู้คนที่ผ่านมายังตลาดแห่งนี้ ตัวอำเภอยังเป็นตลาดเก่าที่สร้างด้วยไม้เรียงติดกัน อยู่ริมฝังตะวันตกของแม่น้ำท่าจีน ภาพวิถีีชีวิตของผู้คนในชุมชน, สถาปัตยกรรมโบราณ เชิงชายไม้แกะสลัก
อาคารพิพิธภัณฑ์บ้านขุนจำนงค์ จีนารักษ์ ร้านขายยาจีน-ไทยโบราณ-ร้านกาแฟโบราณ-ร้านถ่ายรูปโบราณยังคงมีสภาพและรูปแบบเดิมเหมาะแก่การอนุรักษ์และรักษาให้เป็นบันทึกของชีวิตริมแม่น้ำท่าจีน อีกแห่งหนึ่ง และยังเป็นแหล่งรวมสินค้าโดยเฉพาะขนมไทยโบราณ กาแฟสด และอาหารสด จำพวกปลาแม่น้ำและพืชผักจากชาวบ้าน


           ในอดีต..บ้านสามชุกได้ชื่อว่าเป็นท่าเรือทางการค้าที่สำคัญ และเป็นศูนย์กลางของจังหวัด ผู้ที่เดินทางจากตัวเมืองไปอำเภออื่นๆที่เลยออกไป จำเป็นต้องหยุดพักที่สามชุก เพราะได้เวลาค่ำพอดี นอกจากนั้นยังเป็นที่ที่พวกกระเหรี่ยงนำของจากป่า บรรทุกเกวียนมาขายให้พ่อค้าทางเรือ และซื้อของจำเป็นกลับไป ในสมัยหนึ่งบ้านสามชุกขึ้นกับอำเภอเดิมบางนางบวช เมื่อปี พ.ศ. 2437 ต่อมาปี พ.ศ. 2454 จึงย้ายที่ว่าการอำเภอมาตั้งบริเวณหมู่บ้านสำเพ็ง และเปลี่ยนชื่อมาเป็นอำเภอสามชุกเมื่อปี พ.ศ. 2457 มีเนื้อที่ 362 ตารางกิโลเมตร มี 7 ตำบล 68 หมู่บ้าน


บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ
           บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ เป็นบึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 2,700 ไร่ อยู่ห่างจากตัวเมืองสุพรรณบุรีประมาณ 64 กิโลเมตร บึงฉวากมีพื้นที่ติดต่อกับอำเภอหันคา จังหวัดชัยนาทและอำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ส่วนที่อยู่ในเขตอำเภอเดิมบางนางบวชมีพื้นที่ประมาณ 1,700 ไร่ บึงฉวากได้รับประกาศให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์มาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2526 และในปี พ.ศ. 2541 ได้รับการจัดให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติ ตามอนุสัญญาแรมซาร์ที่ประเทศไทยเป็นภาคี เนื่องจากความหลากหลายของพันธุ์พืชและสัตว์ที่มีในบึง ลักษณะที่เรียกว่าเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำตามอนุสัญญาแรมซาร์ คือพื้นที่ลุ่ม พื้นที่ราบลุ่ม พื้นที่ลุ่มชี้นแฉะ พื้นที่ฉ่ำน้ำ มีน้ำท่วม น้ำขัง พื้นที่พรุ พื้นที่แหล่งน้ำ ทั้งที่เกิดเองตามธรรมชาติและที่มนุษย์สร้าง ทั้งที่มีน้ำขังหรือน้ำท่วมถาวรหรือชั่วคราว ทั้งแหล่งน้ำนิ่งและน้ำไหล แหล่งน้ำจืด น้ำกร่อยและน้ำเค็ม รวมไปถึงชายฝั่งทะเลและทะเลในบริเวณซึ่งเมื่อน้ำลดต่ำสุด น้ำลึกไม่เกิน 6 เมตร ซึ่งบึงฉวากเข้าข่ายลักษณะดังกล่าว คือเป็นบึงน้ำจืดที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีความลึกเฉลี่ยประมาณ 1 – 3 เมตร

ที่พักที่น่าสนใจ....



วาสิฏฐี ซิตี้โฮเทล
              โรงแรมแนวใหม่ใจกลางเมืองสุพรรณบุรี ที่โดดเด่นด้วยการเล่นไฟสีสันสดสวย ทั้งภายในและภายนอก ด้วยการออกแบบที่สนองตอบอารมณ์ของแขกที่มาเยือน เพียงคุณปิดม่าน เปิดไฟที่ซ่อนอยู่ภายในห้อง คุณก็จะได้สัมผัสบรรยากาศฮิปๆ สะใจวัยมันส์ และเพียงแค่เปิดม่านรับแสงจากธรรมชาติ คุณก็จะได้บรรยากาศของห้องพักที่เรียบง่าย สบายๆในวันแห่งการพักผ่อน
ด้วยรูปแบบ สถานที่ตั้ง และราคาเริ่มต้น 1000 บาท น่าจะทำให้
วาสิฏฐี ซิตี้โฮเทล เป็นโรงแรมในตัวเมืองที่น่าพักเป็นอันดับต้นๆ อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดสุพรรณบุรี


โรงแรมศรีอู่ทองแกรนด์ 
         เป็นโรมแรมเปิดใหม่ ได้มาตราฐานระดับ 5 ดาวของจังหวัดสุพรรณบุรี
พรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสดวกสำหรับแขกที่มาพัก ทั้งส่วนตัวหรือมาเป็นหมู่คณะ ด้วยห้องสัมนา ห้องอาหาร ห้องคาราโอเกะ และอื่นๆ
Sri u-thong Grand Hotel สำหรับการพักผ่อนที่แสนสบาย ใจกลางเมือง ใกล้หอคอยบรรหาร สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดสุพรรณบุรี


เรือนแพรีสอร์ท...หรูหราราคาถูกริมแม่น้ำท่าจีน
            เป็นอีก 1 รีสอร์ทริมแม่น้ำท่าจีนใกล้ตัวเมืองสุพรรณ ที่อยากจะแนะนำ ให้มาลองนอนพักสักครั้ง เป็นรีสอร์ทขนาดเล็ก ร่มรื่น และเงียบสงบ มีส่วนที่เป็นบ้านพักหลังเดี่ยว และตึกใหญ่ที่ปรับปรุงเป็นห้องพักหรูหรา
จุดเด่นของรีสอร์ท...ติดแม่น้ำท่าจีน ใกล้ตัวเมืองสุพรรณ สถานที่สงบเงียบเป็นส่วนตัว ราคาถูกเมื่อเทียบกับความหรูหราของห้องพัก  
ต้องยอมรับว่า เป็นที่พักที่คุ้มค่า คุ้มราคา กับการมาท่องเที่ยวเมืองสุพรรณ ....


ด่านช้างกรีนวิวรีสอร์ท 
         ด่านช้าง อำเภอที่หลายคนอาจจะไม่คุ้นหู แต่ถ้าได้มาเห็นสักครั้ง คุณจะLike ยิ่งได้มานอนสักคืน คุณก็อาจจะ Love.... อิอิด่านช้างกรีนวิวรีสอร์ท เป็นรีสอร์ทใหม่ บนพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ สดชื่นกับธรรมชาติ ลำธารและต้นไม้ โปร่งโล่งสบายตากับสนามหญ้าที่กว้างใหญ่ สถานที่ที่จะทำให้คุณมีความสุข ในคืนวันที่สวยงาม  มีบ้านให้เลือกพักได้หลายแบบ หลายอารมณ์ หลายราคา ภายในห้องพักก็ออกแบบไว้หลายบรรยากาศ มีทั้งแบบที่สวยงาม ทั้งแบบเรียบง่าย เป็นอีกหนึ่งรีสอร์ทที่น่าสนใจ ในอำเภอด่านช้าง



ร้านอาหารแนะนำ....



ภัตตาคารนพรัตน์
           กว่า30 ปี กับตำนานอาหารจีนเมืองสุพรรณ
นพรัตน์ ภัตตาคารได้ถือกำเนิดจากบรรพบุรุษ ตั้งแต่รุ่นอากง เราเริ่มจากขายอาหารจานเดียว ประกอบกับประสบการณ์ในการทำโต๊ะจีนกว่า 30ปี และการคิดค้นสูตรอาหารที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ของเตี่ย ประชา(เฮียเนี้ยว) อนันต์ธนสาร อาทิเช่น ออส่วน , ผัดโหงวก้วย , ปลาม้า 3รส , เต้าหู้อบหม้อดิน ฯลฯ ทำให้เรามั่นใจในรสชาติอาหารซึ่งเป็นที่ยอมรับของนักชิมอย่างแพร่หลาย โดยปัจจุบันได้ดำเนินการมาถึงทายาทรุ่นที่ 3 ซึ่งยังคงสืบทอดตำรับอาหารรสชาติดั้งเดิม จึงทำให้ร้านนพรัตน์ ภัตตาคารเป็นที่ยอมรับและอยู่คู่ชาวสุพรรณฯมากว่า 30 ปี




ร้านอาหาร เรือนข้าหลวง
             เดิมร้านตั้งอยู่บนสันเขื่อนกระเสียว ปัจจุบันย้ายมาตั้งอยู่ริมถนน ด่านช้าง - อู่ทอง (333)
จากหอนาฬิกาอำเภอด่านช้างตรงมาราว 3 ก.ม. (ทาง ไปอ.อู่ทอง)
เลยแยกไป อ.หนองปรือเล็กน้อย ร้านจะอยู่ซ้ายมือ
อิ่มอร่อยกับเมนูที่น่ารับประทาน พร้อมกับฟังเพลงโฟล์คซองเบาๆ


สวนอาหารบ้านเรือนไทย 
        ก้าวแรกกับความร่มรื่นด้วยตันไม้นานาชนิด บ่อน้ำเล็กๆที่มีปลาสีสันสวยงาม ว่ายเวัยนไปมา ให้ความรู้สึกของบ้านสวนที่อบอุ่นเต็มไปด้วยความรัก
เป็นร้านอาหารเก่าแก่คู่เมืองสุพรรณมายาวนาน เป็นสถานที่ที่มีโอกาสได้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง และคนสำคัญมาแล้วมากมาย
จุดเด่นของที่แห่งนี้ ก็คงเป็นอาหารไทยพื้นบ้าน ประเภทปลา กุ้ง น้ำพริกต่างๆ และสถานที่สวยงาม ร่มรื่น แต่ยังแอบผสมผสานด้วยบรรยากาศฮิปๆ ที่ชื่นชอบของคอนักดื่ม พร้องเสียงเพลงเบาๆ ในยามค่ำคืน
เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารที่น่าแวะชิม หากได้มีโอกาสได้มาท่องเที่ยวเมืองสุพรรณ


เอกชัย สาลีสุพรรณ
          ถ้าหากได้มาท่องเที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรี มักมีคำถามหนึ่งว่า จะซื้ออะไรกลับดี? คำตอบ: ขนมสาลี่ ...และขนมสาลีสุพรรณที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็ต้อง สาลี่เอกชัย
สาลี่เอกชัย ไม่ได้เป็นแค่เพียงชื่อร้านขนม แต่ยังเป็นสถานที่ที่นักเดินทางต้องแวะสักครั้งถ้ามีโอกาสผ่านมาเมืองสุพรรณ เป็นที่ที่รวบรวมขนมอร่อยๆมากที่สุดของสุพรรณ สินค้า ของฝาก อาหาร และจุดนัดพบ...  มาสุพรรณ ไม่ได้ไปกราบไหว้หลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ ก็เท่ากับยังมาไม่ถึงสุพรรณ.... มาสุพรรณ ยังไม่ได้กินขนมสาลีสุพรรณ ก็เท่ากับยังมาไม่ถึง เมืองสุพรรณเหมือนกัน......

โปรแกรม วันเดียว ท่องเที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรี............

            เป็นเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยม สำหรับนักเดินทางท่องเที่ยวที่มาเยือนสุพรรณครั้งแรก แต่ละสถานที่อยู่บนเส้นทางที่ไม่ห่างไกลกันมาก เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่มีเวลาไม่มากนัก แต่ละสถานที่ถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญและสวยงามของสุพรรณ ที่ไม่ควรพลาดชม และหากมีเวลามากขึ้น สุพรรณยังมีอีกหลายสถานที่ที่จะให้คุณค้นหาเรื่องราว และความงดงาม
เกี่ยวก้อยคนรู้ใจก้าวขึ้นรถแล้วขับตรงมาเลยครับ บนถนนสายตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี (340) นับเป็นถนนออกนอกเมืองกรุงที่น่าขับรถมากที่สุด ถนน 4 เลนคุณภาพดีที่การจราจรไม่คับคั่ง สองข้างทางทุ่งนาสีเขียวสดใสสบายตา ขับสบายๆจากบางใหญ่ไม่เกินชั่วโมงก็ถึงตัวเมืองสุพรรณแล้ว

โปรแกรมที่1 (วันเดียวเที่ยวทั่วสุพรรณ)
            สำหรับท่านที่จะมาสุพรรณครั้งแรก และต้องการเที่ยวให้ทั่วตามสถานที่ยอดนิยม แต่มีเวลาเพียง 1 วัน โปรแกรมนี้เหมาะกับท่านที่ชอบขับรถ หรือมีคนขับรถให้ ระยะทางทั้งทริปประมาณ 350 ก.ม.

บึงฉวาก - สามชุกตลาด 100 ปี
หมู่บ้านควายไทย - วัดป่าเลไลยก์
มังกรสวรรค์ - หอคอยบรรหารแจ่มใส

ออกเช้าๆ อากาศดีรถไม่ติด
07.00 น กรุเทพ - บึงฉวาก (แผนที่ ระยะทาง 160 ก.ม.)
แวะ กินอาหารเช้า ตามเส้นทางผ่าน หรือร้านอาหารภายในบึงฉวากก็มี
09.00 น ถึง บึงฉวาก อ. เดิมบางนางบวช
ตรงไป สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำก่อนเลย เช้าๆ นักท่องเที่ยวยังไม่มาก
ชม-อุโมงค์ปลาน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย (ค่าเข้า 30 บาท)
ชม-อุโมงค์ปลาฉลาม-สัตว์ทะเล (ค่าเข้า 150 บาท)
ชม-บ่อเลี้ยงจรเข้ กว่า 40 ตัวที่จำลองสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ
ชม-อุทยานผักพื้นบ้านเฉลิมพระเกียรติ (นั่งรถราง)
ชม-พันธ์นกหายากกว่า 30 ชนิด กรงนกใหญ่ - เกาะกระต่าย
ชม-สวนสัตว์ ทั้งในและต่างประเทศ

11.30 น บึงฉวาก-สามชุกตลาด 100 ปี
12.00 น สัมผัสบรรยากาศย้อนยุคของ สามชุกตลาด 100 ปี ย่านการค้าโบราณของชาวจีน สัมผัสบรรยากาศตลาดเก่าริมน้ำ ชมอาคารบ้านเรือนแบบโบราณที่ยังคงสภาพดั่งเดิมอย่างสมบูรณ์ เพลิดเพลินกับการเลือกซื้อสินค้า และอาหารพื้นเมือง แวะหาของกินอร่อยๆกันก่อน
14.00 น สามชุก - หมู่บ้านควาย
14.20 น ย้อนรอยอดีตวิถีไทยที่ หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย
ชม-การจำลองวิถีชีวิตของชุมชนชาวบ้านในแถบชนบท ประกอบด้วย กระท่อมหลังคามุงจาก ฝาขัดแตะหลังเล็กสำหรับครอบครัวเริ่มต้น เรือนไทย ยุ้งข้าว เรือนโหราจารย์
ชม-การแสดงความสามารถของควายไทย
15.20 น หมู่บ้านควาย - (เข้าตัวเมือง) วัดป่าเลไลยก์
15.40 น กราบไหว้หลวงพ่อโต ชมเรือนขุนช้าง ซื้อสินค้าพื้นบ้าน
16.10 น วัดป่าเลไลยก์ - มังกรสวรรค์
ชม-สวนจีนที่สวยงาม-มังกรสวรรค์ยาวที่สุดในโลกและกราบไหว้ขอพรศาลเจ้าพ่อหลักเมือง (ฟรี) แต่ถ้าจะเข้าชม พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร (ค่าเข้าชม 299 บาท)
17.00 น มังกรสวรรค์ - หอคอยบรรหาร
ชม-สวนเฉลิมภัทรราชินี สวนน้ำพร้อมสไลด์เดอร์ สวนลายไทย สวนดอกไม้ ชม-หอคอยบรรหารแจ่มใส ซึ่งเป็นหอคอยแห่งแรกและสูงที่สุดในประเทศไทย สามารถชมทัศนียภาพของเมืองสุพรรณ และจังหวัดใกล้เคียง (ช่วงเย็นๆ ค่ำๆ ลานน้ำพุดนตรี กับไฟสีสวยน่าชมมากๆ)
18.30 น หอคอยบรรหาร - สาลี่เอกชัย - กรุงเทพ
บนเส้นทางกลับ แวะซื้อของฝากที่ร้าน เอกชัยสาลี่สุพรรณ เลือกซื้อสินค้าหนึ่งผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล สินค้าที่มีชื่อเสียงในจังหวัดสุพรรณบุรี เช่น สาลี่ ปลาสลิด ข้าวหอม ผลไม้สดๆจากสวน

หมายเหตุ....
เวลาแต่ละสถานที่อาจปรับได้ตามความชอบ
สถานที่บางที่ที่มีการแสดง ต้องใช้เวลามากขึ้น อาจจะต้องตัดบางรายการออกไป เช่น ที่บึงฉวาก จะมีการแสดงการให้อาหารปลา การแสดงคนกับจระเข้ .....ที่หมู่บ้านควาย มีรอบการแสดงควาย.....
ที่มังกรสวรรค์ มีรอบการชมภายในพิพิธภัณฑ์ฯ
แต่ถ้ามีเวลาเหลือ สถานที่เหล่านี้
พิพิธภัณฑ์ภาคตะวันตก
หอเกียรติยศ ฯพณฯ บรรหาร
อุทยานมัจฉา วัดพระนอน
มะขามยักษ์วัดแค
ก็น่าแวะชม เพราะใช้เวลาไม่มากและอยู่ไม่ไกลกันมากนัก